โฟนิคส์คืออะไร?
Phonics คือการเรียนความสัมพันธ์ของเสียงและตัวอักษร สมัยก่อนถึงแม้นเจ้าของภาษาเองก็เรียนอังกฤษด้วยการท่องคำศัพท์ แต่สุดท้ายพบปัญหาว่า เด็กๆหลายๆคนท่องและจำคำศัพท์ไม่ได้ จึงมีครูท่านหนึ่งชื่อว่า Sue Lloyd คิดค้นหนทางที่จะช่วยให้เด็ก เริ่มอ่านออกอย่างมีความสุข ด้วยการให้เด็กจำเสียงตัวอักษร แทนการจำคำศัพท์ (ทำให้เด็กต้องลดการท่องจำลงมากมาย) คือเด็กๆจำเสียงอักษรได้แค่หกเสียง ก็อ่านคำศัพท์ได้หลายสิบคำแล้ว ดังนั้นโฟนิคส์จึงช่วยลดปัญหาการอ่านหนังสือไม่ออกของเด็กๆในประเทศอังกฤษได้อย่างมีนัยยะสำคัญ จากจุดนั้นเอง ชื่อเสียงของโฟนิคส์ก็ได้กระจายออกไป และสุดท้าย การเรียนโฟนิคส์ได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของประเทศอังกฤษ และประเทศอื่นๆก็ได้เริ่มใช้โฟนิคส์ในการช่วยให้เด็กๆหลุดพ้นจากการอ่านหนังสือไม่ออก
โฟนิคส์และ IPA แตกต่างกันตรงไหน?
โฟนิคส์เป็นลูกของ IPA (International Phonetic Alphabets) ทั้งสองอย่างมีความเชื่อมโยงกัน แต่ถูกพัฒนาออกมาเพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกัน
โดยโฟนิกส์นั้น คือการเรียนเสียงของตัวอักษร เป็นเสียงที่พบบ่อยๆของตัวอักษรนั้นๆ เริ่มให้เด็กที่ ”อ่านหนังสือไม่ออก” เริ่มเข้าใจวิธีการอ่านหนังสือ ทำให้การอ่าน make sense มากขึ้น
แต่ IPA นั้นคือ การเรียนเสียงของคำศัพท์ ช่วยให้คนที่ ” อ่านหนังสือออกแล้ว” ให้ออกเสียงคำศัพท์ได้ตรงตามเสียงเจ้าของภาษามากขึ้น
ดังนั้น โฟนิคส์จึงมุ่งสอนให้คน ”เริ่มอ่านหนังสือออก” ส่วนโฟเนทิคหรือIPA ”สอนคนที่อ่านออกแล้ว” ให้ออกเสียงได้เก่งขึ้นนั่นเอง
แล้วทำไมเราไม่สอน IPA เด็กไปเลย
ทำไมต้องเริ่มที่โฟนิคส์?
หากคุณเคยเห็นสัญลักษณ์ IPA คุณจะเข้าใจว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่แปลกประหลาดมากๆๆ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย และสัญลักษณ์เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ยากต่อการจดจำ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราหากไม่เรียนภาษาศาสตร์จริงๆ ก็จะไม่มีใครอ่านสัญลักษณ์เหล่านี้ออก แล้วเด็กๆ ที่แม้นแต่คำศัพท์ง่ายๆเค้ายังลำบากในการท่อง ในการจดจำ จะเป็นไปได้ยากมากๆๆ หากเค้าต้องมาเรียน IPA
โฟนิคส์ จึงเป็นการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยการนำเสียงอักษร ที่พบบ่อยมาก มาก ถึงมากที่สุดในคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาให้เด็กๆจำเป็นอันดับแรก เช่น
– ความจริงแล้ว เสียงตัว a จะออกเป็น æ (ant) eɪ (baby) ɑːหรือ ə (banana) ก็ได้ แต่เริ่มต้นเราให้เด็กๆจำก่อนว่า a ออกเสียง æ และให้เค้าค่อยๆ ทำความเข้าใจกับตัวหนังสือ ทำความเข้าใจกับการอ่าน
– จนวันหนึ่ง เมื่อพื้นฐานของการอ่านของเค้าพร้อม เค้าจะเข้าใจได้เองว่า ตัว a นั้นออกเสียงได้หลายเสียง แปลว่า โฟนิกส์ สอนเด็กๆให้พอว่ายน้ำได้ไม่จมน้ำก่อน จากนั้น โฟเนทิคจะมาช่วยทำให้ท่าทางการว่ายน้ำของเค้าสวยงามขึ้น